รักร่วมเพศ
(เกย์เลสเบี้ยนและทรานส์เซ็กช่วล )
มนุษย์ทุกคนมีรูปแบบของร่างกายและสมองที่เคยเป็นเพศหญิงขณะที่ตัวอ่อนอยู่ในการมารดา
ดั้งนั้นผู้ชายจึงมีอวัยวะมากมายคล้ายคลึงกับผู้หญิง อาทิ หัวนม เป็นต้น
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ผู้ชายทุกคนมีต่อมน้ำนมซึ่งสามารถผลิตน้ำนมได้
เพียงแต่มันไม่ทำงานเท่านั้นเอง
จากมนุษย์เพศหญิงสู่ เกย์เลสเบี้ยนและทรานส์เซ็กช่วล
ช่วง 6-8 สัปดาห์หลังจากการปฏิสนธิ ตัวอ่อนเพศชาย (xy)จะได้รับฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า “แอนโดรเจน”
จำนวนมหาศาลซึ่งนำไปเปลี่ยนรูปแบบของสมองจากผู้หญิงให้เป็นผู้ชาย
ถ้าหากในช่วงดังกล่าว
ตัวอ่อนเพศชายไม่ได้รับฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่เพียงพอในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะมีผลเกิดขึ้นได้ 2
ประการ
ประการ แรก ทารกเพศชายที่ถือกำเนิด
อาจจะมีรูปแบบสมองเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ
ทารกคนนั้นมีโอกาสจะเป็นเกย์ ได้เมื่อถึงวัยเจริญพันธ์
ประการที่สอง
ทารกเพศชายผู้นั้นอาจจะมีสมองซึ่งเป็นหญิงล้วนๆ แต่กลับมีอวัยวะเพศเป็นผู้ชายล้วนๆ
เด็กคนนี้ก็จะจัดอยู่ในประเภท “ทรานส์เซ็กช่วล หรือ ทรานส์เจนเดอร์”
ซึ่งหมายถึงคนที่เกิดเป็นเพศใดเพศหนึ่งโดยสรีระ
แต่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นเพศตรงข้าม
รักร่วมเพศคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
ชาวกรีกโบราณไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์
คนที่นิยมไม้ป่าเดียวกัน ตรงกันข้ามพวกเขากลับชื่นชมยกย่องบุคคลเหล่านั้นด้วยซ้ำ
เพราะชาวกรกเชื่อว่า รักร่วมเพศในหมู่ชายเป็นกิจกรรมอันสูงส่งควรค่าแก่การนับถือ
ดังนั้น เด็กหนุ่มๆ
ชาวกรีกจึงมีแรงบันดาลใจอยากจะเป็นเกย์เพื่อจะได้เป็นบุคคลสำคัญของชุมชนตามความเชื่อดังกล่าว
โดยมีบุคคล สมัยโรมันโบราณ จูเลียส ซีซาร์ ได้รับการกล่าวขวัญถึงว่าเป็น
“ผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนหมายปอง และเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันถึง” เช่นกัน
เข้าใจรักร่วมเพศ
ผู้ที่เป็นรักร่วมเพศ ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ
หรือ แส้แสร้ง แกล้งทำ แต่มันเกิดจากการปฏิสนธิทั้งแต่ในครรภ์แล้ว
เพราะฉะนั้นทุกคนควรที่จะเปิดใจรับ ผู้ที่เป็นรักร่วมเพศให้มากขึ้น